วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

ประวัติของสมุนไพร

สมุนไพร คือ พืช สัตว์ หรือแร่ธาตุ ที่ใช้เป็นอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือเครื่องสำอาง สำหรับป้องกัน รักษาโรค บำรุงสุขภาพ หรือ เสริมสวย
สมุนไพรที่ใช้เป็นอาหาร เรียกว่า อาหารสมุนไพร
สมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องดื่ม เรียกว่า เครื่องดื่มสมุนไพร
สมุนไพรที่ใช้เป็นยา เรียกว่า ยาสมุนไพร
สมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องสำอาง เรียกว่า เครื่องสำอางสมุนไพร

สมุนไพรแบ่งตามหลักวิชาออกเป็น 2 สาขา คือ สมุนไพรแผนโบราณ และสมุนไพรแผนปัจจุบัน
สมุนไพรแผนโบราณ คือ พืช สัตว์ หรือแร่ธาตุ ที่เภสัชกร หรือแพทย์แผนโบราณ และประชาชนนำมาใช้เป็นอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือเครื่องสำอาง สำหรับป้องกัน รักษาโรค บำรุงสุขภาพ หรือเสริมสวย ตามหลักวิชาของแพทย์และเภสัชกรรมไทยแผนโบราณแผนโบราณ หรือจากความรู้ และประสบการณ์ที่บรรพบุรุษในอดีตเคยใช้สืบต่อกันมา
สมุนไพรแผนปัจจุบัน คือ พืช สัตว์ หรือแร่ธาตุ ที่แพทย์และเภสัชกรแผนปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ หรือนักโภชนาการนำมาศึกษาค้นคว้า ทดลอง วิจัย แล้วสกัดเอาสารบางชนิดจากพืช สัตว์ หรือแร่ะาตุ ออกมาใช้เป็นอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือเครื่องสำอาง สำหรับป้องกัน รักษาโรค บำรุงสุขภาพ หรือ เสริมสวย ตามหลักและกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยอาศัยข้อมูล ความรู้พื้นฐาน หรือประสบการณ์เดิมของแพทย์และเภสัชกรแผนโบราณ หรือประชาชนที่เคยรู้และเคยใช้กันมาตั้งแต่อดีตเป็นแนวทางในการศึกษาวิจัยว่า ในพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุนั้นๆ มีสารเคมีอะไรจึงมีสรรพคุณตามที่คนโบราณกล่าวไว้ โดยนำมาทดลองทั้งด้านเภสัชวิทยาและทางคลีนิค คือ ทดลองใช้กับสัตว์และคนที่เจ็บป่วย
สมุนไพรแผนโบราณในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สมุนไพรไทยแผนโบราณ และสมุนไพรจีนแผนโบราณ
สมุนไพรไทยแผนโบราณ คือ สมุนไพรที่มีอยู่ในประเทศไทยและบางชนิดก็ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งแพทย์และเภสัชกรไทยแผนโบราณนำมาปรุงเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือเครื่องสำอาง สำหรับป้องกัน รักษาโรค บำรุงสุขภาพ รักษาโรค บำรุงสุขภาพ หรือเสริมสวย ตามทฤษฎี หรือหลักวิชาของแพทย์และเภสัชกรรมไทยแผนโบราณ
สมุนไพรจีนแผนโบราณ คือ สมุนไพรที่มีอยู่ในประเทศจีน ที่แพทย์และเภสัชกรจีนแผนโบราณนำมาปรุงเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือเครื่องสำอาง สำหรับป้องกัน รักษาโรค บำรุงสุขภาพ หรือเสริมสวย ตามทฤษฎีหรือหลักวิชาาของแพทย์และเภสัชกรรมจีนแผนโบราณ
เภสัชวัตถุ คือ วัตถุที่ใช้เป็นสมุนไพรไทยแผนโบราณ มี 3 ประเภท คือ
1. พืช แบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ
    1.1 ประเภทต้น เช่น ต้นพิกุล ต้นขี้เหล็ก ต้นมะตูม
    1.2 ประเภทเถา, เครือ เช่น เถาบอระเพ็ด, เถาคันแดง
    1.3 ประเภทหัว , เหง้า เช่น หัวแห้วหมู, เหง้าข่า, เหง้าขิง
    1.4 ประเภทผัก เช่น ผักบบุ้ง ผักหนอก ผักชี ผักกาดน้ำ
    1.5 ประเภทหญ้า เช่น หญ้าแพรก หญ้าคา หญ้าใต้ใบ
2. สัตว์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
    2.1 ประเภทสัตว์บก เช่น ควายเผือก หมี งูเหลือม
    2.2 ประเภทสัตว์น้ำ เช่น ปลาหมึก หอยสังข์ เต่า
    2.3 ประเภทสัตว์อากาศ เช่น นกนางแอ่น ผึ้ง
3. แร่ธาตุ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
    3.1 ประเภทแร่ธาตุที่สลายตัวยาก เช่น เหล็ก ทองคำ เงิน
    3.2 ประเภทแร่ธาตุที่สลายตัวเร็ว หรือสลายตัวอยู่แล้ว เช่น สารส้ม พิมเสน เกลือ
หลักสรรพคุณสมุนไพรไทย เราจะทราบว่า สมุนไพรชนิดใด มีสรรพคุณอย่างไร เราจำเป็นต้องรู้ของสมุนไพรว่ามีรสอะไร ถ้าเรารู้รสของสมุนไพรแล้ว เราก็จะทราบสรรพคุณของมัน เพราะรสของสมุนไพรจะแสดงสรรพคุณเอาไว้ รสของสมุนไพรแบ่งออกเป็น 9 รส คือ
1. รสฝาด ชอบสมาน ใช้สมานแผล แก้บิด คุมธาตุ แก้ท้องเสีย
2. รสหวาน ซึบซาบไปตามเนื้อ ทำให้ร่างกายชุ่มชื้น บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ทำให้ชุ่มคอ แก้ไอ
3. รสเมาเบื่อ แก้พิษ แก้พยาธิ แก้สัตว์กัดต่อย ขับพยาธิ แก้โรคผิวหนัง
4. รสขม แก้ทางโลหิตและดี แก้ไข้ เจ็บคอ ร้อนใน กระหายน้ำ เจริญอาหาร
5. รสเผ็ดร้อน แก้ลม บำรุงธาตุ ขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร
6. รสมัน แก้เส้นเอ็น บำรุงเส้นเอ็น แก้ปวดเมื่อยร่างกาย แก้ไขพิการ แก้ปวดเข่าปวดข้อ
7. รสหอมเย็น ทำให้ชื่นใจ บำรุงหัวใจ ชูกำลัง แก้อ่อนเพลีย แก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ
8. รสเค็ม ซึบซาบไปตามผิวหนัง รักษาโรคผิวหนัง รักษาเนื้อไม่ให้เน่า แก้ประดง ลมพิษ
9. รสเปรี้ยว กัดเสมหะ แก้เสมหะพิการ แก้ไอ ช่วยให้ระบายขับถายเมือกมัน แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิต ทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น

ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร





ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพร ที่มีสรรพคุณ ช่วยสมานแผล ลดไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ รักษาระบบทางเดินอาหารอักเสบ รักษาทอนซิลอักเสบ ฟ้าทลายโจร เป็นสมุนไพรที่กระทรวงสาธารณะสุขส่งเสริมให้ประชาชนปลูก ฟ้าทลายโจรมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata Wall. ex Ness. ชื่ออื่นๆ เช่น น้ำลายพังพอน ฟ้าสาง หญ้ากันงู สามสิบดี ฟ้าสะท้าน เขยตายยายคลุม เมฆทะลาย ชื่อเรียกของฟ้าทลายโจร ก็จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น
ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นตั้งตรง ปลายกิ่งเป็นสี่เหลี่ยมสีเขียว ความสูงประมาณ 2 ฟุต ใบของฟ้าทลายโจร เป็นใบเดี่ยว ใบแคบ ตรงปลายและโคนใบจะแหลม ผิวมัน สีเขียว ดอกของฟ้าทลายโจร เป็นช่อตามง่ามใบ และส่วน ยอดของต้น ลักษณะของดอกเป็นหลอด ส่วนปลายของดอก จะแยกออกเป็น 5 กลีบ มีสีขาวอมม่วง ดอกฟ้าทะลายโจรจะแบ่งออกเป็น 2 ปาก โดยปากบนจะแยกออกเป็น 3 กลีบ และปากล่างจะแยกออก 2 กลีบ และมีเลี้ยง 5 กลีบผลของฟ้าทะลายโจร มีขนาดเล็ก และเมื่อผลแก่เต็มที่จะแตกออกเป็นสองซีก ภายมีสีน้ำตาล การขยายพันธุ์ของฟ้าทะลายโจรสามารถขยายพันธ์ดดยใช้เมล็ด
สรรพคุณของฟ้าทะลายโจร มีอะไรบ้าง ฟ้าทะลายโจรสามารใช้ประโยชน์ทั้งต้น ทั้งสดและอบแห้ง เลย รายละเอียดของสรรพคุณ มีดังนี้
ใบของฟ้าทะลายโจร สามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ นำมาบดผสมกับน้ำมันพืช แล้วพอกบริเวณแผล
ต้นของฟ้าทะลายโจร นำมาใช้แก้บิด ชนิดติดเชื้อ แก้โรคระบบทางเดินอาหารอักเสบ ลดไข้ แก้ทอนซิลอักเสบ โดยนำต้นฟ้าทะลายโจร มาต้มน้ำและนำไปดื่ม

เม็ดแมลงลัก

เม็ดแมงลัก



   เม็ดแมงลัก สรรพคุณเด็ด ๆ มากมาย แก้ท้องผูก ลดพุงได้ด้วย มารู้จักประโยชน์ของเม็ดแมงลักให้มากขึ้น

          ในปัจจุบันมีผู้คนสนใจการรับประทานอาหารสมุนไพรเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น และสมุนไพรบางตัวยังช่วยในเรื่องการขับถ่าย ส่งผลให้ผู้รับประทานมีผิวพรรณ และรูปร่างที่ดีอีกด้วย ซึ่งเม็ดแมงลักเป็นหนึ่งในเมนูสุขภาพที่มีสาว ๆ ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อกันว่า เม็ดแมงลักมีสรรพคุณช่วยเรื่องการลดความอ้วน แต่การรับประทานเม็ดแมงลักดีจริงหรือไม่ วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำตอบมาฝากกันค่ะ 

          ก่อนจะไปดูเรื่องสรรพคุณของเม็ดแมงลัก เรามาทำความรู้จักกับต้นแมงลักกันก่อนดีกว่า แมงลัก เป็นพืชล้มลุกในสกุลกะเพรา-โหระพา ลักษณะของต้นแมงลักจะคล้ายต้นกะเพรา แต่กลิ่นและใบจะมีสีอ่อนกว่า ลำต้นของแมงลัก จะสูงประมาณ 65 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมทุกส่วน ใบเป็นใบเดี่ยว รูปร่างรี ขอบใบเรียบหรือหยักมน ดอกออกช่ออยู่ปลายยอด กลีบดอกมีสีขาว และร่วงง่าย ผลเป็นผลชนิดแห้ง ภายในมี 4 ผลย่อย เรียกว่า เม็ดแมงลัก มีลักษณะกลมยาวสีดำ มีเมือกห่อหุ้ม

ประโยชน์ของเม็ดแมงลัก
 
          เม็ดแมงลัก ถือเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีราคาถูก และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป และเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพร ย่อมต้องมีสรรพคุณดี ๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง ส่วนประโยชน์ของเม็ดแมงลักจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ 
 
          - เม็ดแมงลัก ช่วยขับคอเลสเตอรอลไม่ดีออกจากร่างกาย โดยเส้นใยของแมงลักจะดูดซับไขมันไว้ เมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยกากใยพวกนี้ได้ ไขมันไม่ดี (LDL-cholesterol) ก็จะถูกขับออกมาพร้อมกับเส้นใยของแมงลัก แต่ไม่มีผลใด ๆ ต่อ HDL-cholesterol ที่เป็นไขมันดี ดังนั้นการรับประทานเม็ดแมงลักเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจด้วย

          - เม็ดแมงลัก มีลักษณะนิ่ม ลื่น กลืนง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาช่วงลำคอ และการที่เม็ดแมงลักพองตัวมาก ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ช้าลง จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลลดลงด้วย

          - เม็ดแมงลัก มีสรรพคุณเป็นยาระบาย เนื่องจากบริเวณเปลือกนอกของเม็ดเป็นสารเมือกขาว และยังมีกากอาหาร ทำให้อุจจาระไม่เกาะลำไส้ ซึ่งช่วยให้ผู้รับประทานสามารถขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเม็ดแมงลักจะไปกระตุ้นประสาทที่อยู่รอบ ๆ ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ทำให้เกิดปวดท้องหนัก

          - เม็ดแมงลัก มีสรรพคุณในการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า ดังนั้นเมื่อนำมารับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และสามารถควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานได้เป็นอย่างดี

ใบบัวบก

ใบบัวบก



ใบบัวบก หรือ ผักหนอก (Asiatic Pennywort, Hydrocotyle, Tiger Herbal) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกผัก ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆ เช่น ลำปางเรียก กะบังนอก, จำปาเครือ ส่วนสันสกฤตเรียก มัณฑูกะบรรณี และจีนเรียก ฮมคัก, เตียกำเช่า เป็นต้น ซึ่งต้นใบบัวบกนั้นหลายคนอาจเข้าใจว่าใบบัวบกนั้นเป็นพืชสมุนไพรที่นำมาใช้ในการแก้อาการช้ำในเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณมากมายเลยทีเดียวที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย ถึงขนาดที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นยาสุดยอดแห่งชีวิตกันเลยทีเดียว เพราะภายในนั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารต่างๆ ที่สำคัญสำหรับร่างกายของมนุษย์เราเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่มีมายาวนานหลายพันปีแล้ว และยังมีเรื่องเล่าว่าในสมัยก่อนมีแพทย์ชาวจีนท่านหนึ่งสามารถมีอายุยืนได้ถึง 200 ปี เนื่องจากการรับประทานใบบัวบกเป็นประจำทุกวันอีกด้วย

ลักษณะทั่วไปของใบบัวบก
สำหรับต้นใบบัวบกนั้นจัดเป็นจัดเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุได้หลายปี มักจะเลื้อยแผ่ไปตามดิน โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความชื้นแฉะ ซึ่งจะมีการแตกรากฝอยตามข้อต่างๆ ส่วนใบของต้นใบบัวบกนั้นจะออกเป็นใบเดี่ยวแบบเรียงสลับดูคล้ายๆ กับรูปไตของคน โดยมีขอบหยัก และบริเวณก้านดอกจะค่อนข้างยาวเลยทีเดียว และมีดอกสีม่วงออกเป็นช่อๆ อยู่ตามซอกใบ มีขนาดเล็กๆ ประมาณ 2 – 3 ดอก โดยมีผลเป็นผลแห้งสามารถแตกออกได้

ประโยชน์และสรรพคุณของใบบัวบก
ทั้งต้น – ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อาการอ่อนเพลีย แก้ช้ำใน รวมทั้งช่วยขับปัสสาวะ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยรักษาบาดแผล ตลอดจนแก้โรคเรื้อน กามโรค ปวดศีรษะข้างเดียว และแก้อาการตับอักเสบ ให้รสหอมเย็น
เมล็ด – ช่วยแก้อาการไข้ ปวดศีรษะ และแก้โรคบิด ให้รสขมเย็น
ซึ่งใบบัวบกนั้นเป็นพืชสมุนไพรที่ให้ฤทธิ์เย็นเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะร่างกายร้อน แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ขี้หนาว หรือมีระบบการย่อยอาหารไม่ดี ดังนั้น ก่อนรับประทานจึงควรคำนึงถึงสุขภาพร่างกายความพร้อมของตนเองเป็นสำคัญด้วย

มะขามป้อม

มะขามป้อม


มะข้ามป้อม

มะขามป้อม ชื่อสามัญ Indian Gooseberry
มะขามป้อม ชื่อวิทยาศาสตร์Phyllanthus emblica L. จัดอยู่ในวงศ์มะขามป้อม (PHYLLANTHACEAE)
มะขามป้อมเป็นสมุนไพรที่ชาวอินเดียใช้มา หลายพันปีแล้ว เพราะยาอายุวัฒนะ ซึ่งชาวอินเดียเรียกสมุนไพรหรือผลไม้ชนิดนี้ว่า Amalaka แปลว่า “พยาบาล” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสรรพคุณของมะขามป้อมนั้นมีมากมายเหลือเกินและเป็นผลไม้ประจำ จังหวัดสระแก้วอีกด้วย
มะขามป้อม จัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพและเป็นสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งเพราะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีสูงมาก โดยประโยชน์มะขามป้อมหรือสรรพคุณมะขามป้อมนั้นมีมากมาย และยังใช้ เป็นยารักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วย เพราะมะข้ามป้อมนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่ประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และยังประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร เป็นต้น และคุณรู้หรือไม่ว่าวิตามินซีในน้ำคั้นจากผลของมะข้ามป้อมนั้นมีมากกว่าน้ำส้มคั้นประมาณ 20 เท่า ซึ่งมะขามป้อมลูกเล็ก ๆ 1 ผล จะมีปริมาณวิตามินซี เท่ากับส้ม 1-2 ผลเลยทีเดียว